17 พฤศจิกายน 2563

เทคโนโลยี(Technology), สิ่งประดิษฐ์(Invention) และนวัตกรรม(Innovation) แตกต่างกันอย่างไร





เทคโนโลยี(Technology) คือ การนำเอาองค์ความรู้ทางเทคนิคหรือวิทยาศาสตร์ มาพัฒนาให้เกิดประโยชน์ 


ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ 1 : เทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology:IT) เป็น "ศาสตร์และเทคนิค" ที่ประยุกต์ความรู้ทางด้านวิทยาสาสตร์มาจัดการสารสนเทศที่ต้องการ 


ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ 2 : เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence:AI) เป็น "ศาสตร์และเทคนิค" ที่มุ่งพัฒนาให้คอมพิวเตอร์ สามารถเรียนรู้ และพัฒนาระบบความคิดหรือปัญญาของตนเองได้ 


สิ่งประดิษฐ์(Invention) คือ สิ่งใหม่ สิ่งที่ปรับปรุงมาใช้ใหม่ ประดิษฐกรรม กระบวนการ แนวทางหรือทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา ซึ่งเป็น "ผลลัพธ์" ของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาอีกทีหนึ่ง โดยประดิษฐกรรมอาจถูกนำมาใช้จริงหรือใช้ไม่ได้จริงก็ได้


ตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ที่ 1 : ไฟฉายพลังแสงอาทิตย์ เป็นตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ที่อาจนำมาใช้จริงไม่ได้ เพราะมันเยี่ยมมากที่เราไม่ห่วงเรื่องถ่านสำหรับใส่ไฟฉาย แต่มันจะใช้ไม่ได้จริงถ้าไม่มีตัวเก็บไฟฟ้าที่ได้จากแสงอาทิตย์ไว้ใช้ในเวลากลางคืนหรือตอนไฟดับ!!


ตัวอย่างสิ่งประดิษฐ์ที่ 2 : ในอดีตนักวิทยาศาสตร์ของอเมริกาพยายามพัฒนาปากกาที่สามารถใช้ได้ในสภาพสูญญากาศ ในที่สุดหลังจากลงทุนเสียเงินไปมากมายพวกเขาก็ทำสำเร็จ ช่างน่าชื่นชมในความพยายาม แต่นักวิทยาศาสตร์ของโซเวียตแก้ปัญหานี้โดยการใช้ดินสอ 2B!! 


แล้วความหมายของคำว่านวัตกรรม (Innovation) ล่ะ?


อาจารย์ Bill Aulet อาจารย์จาก MIT ได้นิยามคำว่า Innovation เอาไว้ว่า


Innovation = Invention * Commercialization


แปลว่า นวัตกรรม(Innovation) เท่ากับ สิ่งประดิษฐ์(Invention) คูณด้วย การแพร่หลายหรือการเป็นที่ต้องการจริงในตลาด(Commercialization)


นวัตกรรม(Innovation) คือ สิ่งใหม่ สิ่งที่ปรับปรุงมาใช้ใหม่ ประดิษฐกรรม กระบวนการ แนวทางหรือทรัพย์สินทางปัญญาที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา แล้วได้รับการแพร่หลายหรือการเป็นที่ต้องการจริงในตลาด


สังเกตว่าในสมการ อาจารย์ Bill ใช้เครื่องหมายคูณ เพราะเขาคิดว่า Innovation จะเกิดได้ต้องการจากสองสิ่ง ทั้ง Invention และ Commercialization คูณกัน ความหมายก็คือ หากมีข้างใดข้างหนึ่งเป็น 0 (ศูนย์) สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของการคูณก็จะเป็น 0 คือ ไม่ใช่นวัตกรรมนั่นเอง!!


แปลง่ายๆ ก็คือ คุณไม่สามารถพูดได้ว่าคุณมี Innovation หากคุณไม่มี Invention

แต่ถ้ามี Invention แล้ว แต่ไม่สามารถทำให้เกิด Commercialization ได้ นั่นก็ยังไม่ใช่ Innovation เช่นกัน


ตัวอย่างนวัตกรรมที่ 1 : iphone คือ มือถือที่แก้ปัญหากวนใจของผู้ใช้งานและผู้ผลิตที่ไม่รู้จะเอาคีย์ตัวเลขตัวอักษรที่มีจำนวนมาก ไปไว้ส่วนใดของมือถือดี หลังจากลองมาแล้วทุกอย่าง ตั้งแต่ด้านล่างของหน้าจอ แบบพับ แบบสไลด์ ด้านขอบ แล้วปัญหาดังกล่าวก็หมดไป เมื่อ Steve Jobs เสนอว่ามีปุ่ม Home ปุ่มเดียวเอาไว้ใช้เรียกปุ่มอื่นบนหน้าจอ ของ iphone แทน ซึ่งผลของมันคือเวิร์คมากทุกแบรนด์จึงทำตาม จนแทบไม่เหลือมือถือกดปุ่มในปัจจุบัน!!    


อาจารย์ Bill Aulet ยังพูดเพิ่มเติมว่า Invention ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นสิ่งใหม่ที่โลกยังไม่เคยมีมาก่อน แต่อาจจะเป็น Invention เดิมที่มีอยู่แล้ว แต่นำมาปรับปรุงให้เกิดการยอมรับของตลาดก็ได้ ยกตัวอย่าง เช่น


ตัวอย่างนวัตกรรมที่ 2 : Steve Jobs ไม่ใช่คนแรกที่ทำเมาส์คอมพิวเตอร์  แต่เขาเป็นผู้ที่ทำให้อุปกรณ์นี้ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี(ทำให้เกิด Commercialization)


ตัวอย่างนวัตกรรมที่ 3 : หลายคนอาจรู้จัก Tablet ครั้งแรกในปี 2010 อย่าง Apple ipad(2010), Samsung Galaxy Tab(2010) หรือ Microsoft Surface(2012) ซึ่งทำให้เกิด Commercialization แต่ที่จริงแล้ว เคยมีการ ทำมาก่อนแล้ว เช่น Linus Write-Top (1987),Apple Newton MessagePad (1993),Intel WebPad (1999),Microsoft Tablet PC (2001) เป็นต้น แต่ไม่ได้รับความนิยม ด้วยว่าผู้ใช้ส่วนใหญ่(ตลาด)ยังไม่พร้อมในขณะนั้น


ดังนั้นนวัตกรรมจะเกิดได้ จึงต้องเกิดจากเทคโนโลยีที่ลงตัว ร่วมกับตลาดผู้ใช้ที่พร้อมใช้งานได้มาเจอกัน!!



2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ25/1/65 08:35

    Sbobet | TFT Tracker - TFT Tracker for Your Favorite Sports
    To track your favorite sports, track gioco digitale your MLB odds, and bet on a wide range of games. sbobet ทางเข้า Sbobet tracks MLB odds and offers カジノ シークレット you the fastest track rate.

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ7/8/67 20:44

    ควยครับ

    ตอบลบ